หลังจากที่เมื่อวานนี้ 19 ก.ย. 64 ทางกลุ่มต่างๆ ที่มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหลาย ต่างออกมาจัดกิจกรรมโดยอ้างว่ารำลึกถึงรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. 49 (ซึ่งเป็นเพียงแค่ข้ออ้างไปเรื่อยเปื่อย) โดยพวกกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ ได้ประโคมข่าวโหมโรงว่า กิจกรรมวันที่ 19 ก.ย. นี้จะต้องยิ่งใหญ่ ขับไล่ลุงตู่ให้ลาออกจากการเป็นนายกได้อย่างแน่นอน เพราะกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ จะสามารถสร้างภาพในแง่ลบ ส่งผลให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนลงได้แน่ๆ หลายคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าอะไรเป็นอะไร งั้นผมจะมา วิเคราะห์ม็อบ 19 ก.ย. 64 แบบสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ให้ทุกคนได้เข้าใจกันครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันบ้าง
วิเคราะห์ม็อบ 19 ก.ย. 64 ตกลงใครแพ้ ใครชนะกันแน่ ตำรวจ หรือ ผู้ชุมนุม
ม็อบ 19 ก.ย. 64 เริ่มต้นขึ้นในช่วงตอนประมาณบ่ายกว่าๆ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่แยกอโศก ที่มี 2 ดาราการเมืองคนสำคัญอย่าง สมบัติ บุญงามอนงค์ และ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ที่จัดกิจกรรมขับรถยนต์ชนรถถัง ซึ่งเป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนมากๆ โดยการทำรถถังกระดาษ/โครงไม้ขึ้นมา แล้วก็ผลักให้ไปชนกับรถแท็กซี่ แล้วก็รุมกระทืบรถถัง นับเป็นการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่ปัญญาอ่อนมากๆ ครับ มวลชนที่เข้าร่วมด้วยก็มีน้อย แค่หลักร้อยเท่านั้นเอง ส่วนใหญ่ก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์ มีหลายแก๊งค์ที่มารวมตัวกัน เช่น โรนินฝั่งธน, อาชีวะ, We Volunteer และพวกเสื้อแดงเก่า
แต่ยังไม่ทันจะได้เคลื่อนขบวน Car Mob ตามกำหนดเวลา ฝนก็ตกลงมา และไม่ได้ตกเบาๆ นะครับ ตกแบบหนักๆ เลยทีเดียว เล่นเอาขบวน Car Mob เปียกเละเทะกันไปหมด พวกมอเตอร์ไซค์ก็ต้องหาที่หลบฝนกันจ้าละหวั่น แต่หลังจากนั้น มวลชนอันน้อยนิดก็ได้พาร่างกายที่เปียกปอนจากฝนมาจบงานที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจนได้ (ไม่มีการปิดกั้นเส้นทางใดๆ จากทางตำรวจเลย มีแต่ติดฝนกันเองทั้งนั้น) ส่วนเรื่องระเบิดแตกใส่ตัวเอง หรือ จุดประทัดแล้วโดนรุมกระทืบ อันนี้ผมไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ เพราะตรงนี้หลายคนก็คงจะเห็นข่าวกันไปแล้ว แต่อาจจะมีข่าวออกมาไม่เยอะ เพราะพวก “สามนิ้ว” เค้าต้องปิดบัง และทำให้เรื่องมันเงียบครับ อะไรที่เป็นเรื่องไม่ดี เค้าจะปิดเงียบเอาไว้ และไม่พูดถึง นี่คือสไตล์การ io ของ สามนิ้ว เค้าล่ะครับ
ในขณะเดียวกัน ตอนที่ Car Mob กำลังเปียกปอนเพราะฝ่าฝน อีกด้านหนึ่งที่แยกดินแดง ตำรวจ คฝ. ก็ได้เอากำลังเข้ามายึดพื้นที่ วางกำลังตามแนวถนน ตามซอยต่างๆ เพื่อปิดกั้นไม่ให้พวก “ทะลุแก๊ส/ซ” หรือ สามนิ้วหัวรุนแรงป่วนเมือง สามารถเข้ามาก่อกวนในพื้นที่ดินแดงได้ เจอแผนแบบนี้เข้าไป พวกสามนิ้วป่วนเมือง ก็ไปกันไม่เป็นเลยทีเดียว ก็เลยมีบางพวกที่ถอนตัวจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและกำลังจะไปที่ดินแดง ปรับเปลี่ยนแผน หันมาป่วนที่แยกนางเลิ้งใกล้ๆ ทำเนียบซะเลย ซึ่งตรงนั้นก็มีตำรวจ คฝ. เฝ้าระวังเอาไว้อยู่แล้ว
พวกที่มาป่วนตรงนางเลิ้ง ก็ได้พยายามเผาหลายสิ่งหลายอย่าง และพยายามก่อกวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มันก็ทำได้แค่นั้น เพราะไม่นานนัก ตำรวจ คฝ. ก็เดินทางมาเพิ่มกำลังและเข้าเคลียร์พื้นที่ จนสามนิ้วหัวรุนแรงพวกนี้ต้องถอนตัวจากแยกนางเลิ้งไป ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า คนพวกนี้ ไม่ได้เตรียมตัวจะมาปะทะ แต่ดันเจอแก๊สน้ำตาจากตำรวจเข้าไป ก็แสบตาไปตามๆ กัน เพราะไม่มีหน้ากากกันแก๊สนั่นเอง จะซื้อหาก็ไม่ไหว อันนึงแพงมาก ถ้าดีๆ ก็หลักพันบาท สู้เอาเงินพวกนี้ ไปซื้อกระท่อมมากินดีกว่า ซื้อได้เหลือเฟือเลยล่ะ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พวกสามนิ้วหัวรุนแรง อ้างว่า พวกเขาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ คือ ในเมื่อไม่สามารถไปป่วนที่ดินแดงได้อีกแล้ว คือ โดนตำรวจ คฝ. เข้ามายึดพื้นที่ทุกจุด ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ก็เลยใช้การกระจายกันป่วนเมืองในหลายๆ จุด ซึ่งเมื่อคืนนี้ก็เป็นแบบนี้ แยกกันเป็นกลุ่มเล็กๆ มอเตอร์ไซค์ 10-20 คัน แล้วก็ขับป่วนเมือง จุดประทัดส่งเสียงดัง ทำให้คนแถวนั้นไม่ได้หลับได้นอน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเคอร์ฟิว สถานที่ที่พวกนี้ไปก็เช่น แยกราชเทวีบ้าง ถ.ราชปรารภบ้าง และที่อื่นๆ ในบริเวณไม่ไกลจากตรงนั้น ซึ่งมีพลเมืองดีแจ้งข่าวสารพร้อมคลิปภาพมาให้กับผมทราบอย่างต่อเนื่อง
มองผิวเผิน ประชาชนคนธรรมดาๆ ที่ติดตามข่าวอาจจะรู้สึกเหมือนกับว่า กลุ่มวัยรุ่นสามนิ้วป่วนเมืองพวกนี้ ชนะแล้ว แต่จริงๆ ก็คือ ตำรวจจับกุมแนวร่วมได้จำนวนหนึ่ง และกำลังจะปรับแผนเพื่อตามจับวัยรุ่นป่วนเมืองพวกนี้ให้ได้ทั้งหมด เพราะมันออกมาท้าทายกฎหมาย และฝ่าเคอร์ฟิวแบบนี้คือ ตั้งใจท้าทายกฎหมายชัดเจน ที่สำคัญ ใครแพ้ ใครชนะ ก็ดูที่รูปนี้นะครับ แล้วคุณจะเข้าใจเอง นี่คือ แชทไลน์ของพวกกลุ่มทะลุแก๊ส ดูเอาละกันว่า พวกเขารู้สึกอย่างไร
ไม่มีวันหรอกครับที่ เด็กป่วนเมืองพวกนี้ จะมาอยู่เหนือกฎหมายได้ วันนี้ก็คึกคะนองกันไป แต่แนวร่วมจะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะโดนคดีบ้าง โดนยึดรถบ้าง โดนหมายหัวบ้าง โดนแฉบ้าง ทำให้ไม่สามารถออกมาเคลื่อนไหวได้อีก เพราะกลัวจะมีคดีความติดตัว และพวกที่โดนจับ ก็มักจะสารภาพเพื่อหวังการลดหย่อนโทษ โดยคำรับสารภาพนั่นแหละ ก็คือ การซัดทอดไปหาพวกเพื่อนที่ออกมาป่วนเมืองด้วยกัน ยังไงก็ใจเย็นๆ นะครับ ตำรวจเค้าก็ทำหน้าที่ของเค้า เดี๋ยวเค้าก็ไล่เช็คบิลได้หมดเอง ส่วนเราก็มีหน้าที่เป็นพลเมืองดี ชี้เป้า ชี้เบาะแส ทำตัวเป็น ตัวเร่งปฏิกิริยา ให้ตำรวจจับพวกป่วนเมืองเหล่านี้ได้เร็วขึ้น
เด็กพวกนี้ สมัยตอนเรียนหนังสือ ก็อยู่หลังห้อง กิน เที่ยว เล่น ไม่สนใจการเรียน ตอนสอบก็ลอกเพื่อน แล้วคิดหรือว่า กระบวนการทางความคิด จะหลักแหลม หรือ ฉลาดกว่าผู้ใหญ่ที่เค้ามีความรู้และประสบการณ์มากกว่า มันไม่มีทางจะเป็นแบบนั้นไปได้หรอกครับ
การมีคดีติดตัวไม่ใช่เรื่องที่ดีนะครับ ถ้ามีประวัติติดตัวแล้ว มันก็จะติดตัวไปตลอดชีวิต เป็นการทำลายอนาคตของตัวเองนะครับ ถ้าอยากทำให้ครอบครัวต้องเสียใจ อยากทุกข์ทรมานกับการเป็นคนมีประวัติติดตัว ก็ทำต่อไปครับ เพราะมันคือ สิทธิและเสรีภาพของทุกคนอยู่แล้ว แต่ถ้าทำแล้วโดนจับขึ้นมา ก็อย่าร้องละกันว่า ไม่เป็นธรรมน่ะ เพราะมีคนออกมาเตือนกันเยอะแล้ว แต่ไม่ฟังเอง ก็ช่วยไม่ได้นะครับ
วิเคราะห์ม็อบ 19 ก.ย. 64