Skip to main content

เปิดเผย “โต้ง สายลับที่มีใจสามนิ้ว” เด็กของ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผมได้เขียนบทความ นักสืบ แฉ "สายลับ" ของหน่วยข่าวแฝงตัวในม็อบสามนิ้ว "หนอน" กลายเป็น "เกลือ" ไปแล้วนั้น มีแฟนคลับหลายคนที่เป็นข้าราชการสอบถามเข้ามาว่า บุคคลดังกล่าว สังกัดอยู่ในหน่วยงานใด เพราะไม่พอใจกับการเสียดสีสถาบันของ โต้ง เป็นอย่างมาก ซึ่งผมเองก็เกรงว่าเพื่อนผมที่เป็นคนให้ข้อมูลจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่ เนื่องจากอยู่หน่วยงานเดียวกันกับโต้ง จึงไม่ได้เปิดเผยชื่อของหน่วยงานนั้นตั้งแต่แรก แต่หลังจากที่ผมได้คุยกับเพื่อนเพิ่มเติมหลังจากที่เอาบทความลงไป เพื่อนผมบอกว่า ควรจะเปิดเผยชื่อหน่วยงานไปเลย เพราะหน่วยงานนี้ มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความผิดของลูกน้อง และหัวหน้าแผนกส่วนใหญ่ก็ชอบเอาดีเข้าตัว บางคนก็มีใจเป็น “สามนิ้ว” ไม่ต่างจาก โต้ง ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีแบบนี้ในหน่วยงานราชการด้วย หากหน่วยงานความมั่งคงทางด้านการข่าว กลับมีคนที่มีใจสามนิ้ว และไม่เอาสถาบันกษัตริย์ อยู่ในหน่วยงานนี้ รับเงินเดือนหลวง แต่ทรยศหลวง มันทุเรศเกินไปนะครับ

เปิดเผย โต้ง สายลับที่มีใจสามนิ้ว ลูกรักของ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ

เรื่องที่ผมเอามาลงไปก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ สังเกตได้ง่ายๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ โต้ง-จิระศักดิ์ ดิ้นหนักมากเรื่องที่ผมเอารูปที่เค้าถ่ายไปลงในเพจแล้วใส่ลายน้ำ แต่หลังจากที่โดนแฉเรื่องนี้ ก็หยุดการเคลื่อนไหวในเฟสบุ๊คทันที หยุดไปนานหลายวัน เพราะอะไรลองคิดดูนะครับ ตอนแรกดิ้นแบบจะแจ้งความ จะนู่นนี่นั่น แต่พอโดนแฉ เงียบไปเลย ยังไม่พอ แฟนของโต้ง ก็ยังไม่รู้เลยว่า โต้งเป็นสายลับ เป็นกำลังพลของ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ หลอกแม้กระทั่งแฟน เพราะแฟนก็เป็นสามนิ้ว เลยให้รู้ไม่ได้ แต่ที่โต้งหยุดการเคลื่อนไหวไปนั้น นั่นเพราะสิ่งที่ผมเอามาแฉมันคือความจริง และโต้งต้องเตรียมหาทางแก้ตัว เพื่อให้อยู่รอดต่อไปได้

แต่การที่ผมไม่ได้เปิดเผยชื่อของหน่วยต้นสังกัด ก็ทำให้หัวหน้าของ โต้ง สามารถปฏิเสธ และ “แถ” เพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบได้ และทำเป็นเงียบ นิ่ง เพื่อสยบข่าว ผมถามว่า เราควรจะให้เรื่องนี้มันเงียบไปมั้ยครับ?

ดังนั้น ในวันนี้ ผมคิดดีแล้ว จึงอยากจะเปิดเผยชื่อหน่วยงานต้นสังกัดของ โต้ง-จิระศักดิ์ นั่นคือ “สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ” นั่นเองครับ เหตุผลก็ชัดเจนครับ เพราะทาง สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ไม่ออกมาดำเนินการจัดการกับ โต้ง ซึ่งเป็นกำลังพลของตัวเองขั้นเด็ดขาดเสียที ปล่อยให้ โต้ง หมิ่นสถาบัน และปลุกระดม บิดเบือนข้อมูลโจมตีการทำงานของตำรวจ โดยไม่ได้รับการลงโทษใดๆ หรืออาจจะเป็นเพราะว่า แท้ที่จริงแล้ว หน่วยงานนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกันกับโต้ง

ลองคิดกันดูนะครับว่า เรื่องที่ผมเอาลงไปก่อนหน้านี้ ไม่มีทางที่หน่วยงานทางด้านการข่าวอย่าง “สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ” หรือ สขช. จะไม่รู้เรื่องที่ผมนำเสนอไปหรอกนะครับ เพียงแต่เค้าเลือกที่จะ “เงียบ” และ “เพิกเฉย” ทำให้ผมเกิดความสงสัยจริงๆ ว่า ผู้บังคับบัญชา ของ “โต้ง-จิระศักดิ์” คนนี้ มีใจ “สามนิ้ว” ที่คิดแบบเดียวกันกับ “โต้ง” คือ ไม่เอาสถาบันกษัตริย์ด้วยหรือเปล่า

สำหรับ “แจ๊ส” ถ้าใครยังจำได้ ผมเคยบอกไปแล้วว่า มันคือ “ลูกพี่” ของ โต้ง ตัวของ “แจ๊ส” เองนั้น ก็ไม่เอาสถาบันกษัตริย์อยู่แล้ว แม้จะทำงานด้านการข่าวต้องรายงานความเคลื่อนไหวของพวกสามนิ้วก็จริง แต่กลับเลือกข้าง เน้นการเอาตำแหน่งหน้าที่มาหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง และทำตามความเชื่อของตัวเองมาโดยตลอด

แต่หลังจากที่เงียบไปหลายวัน โต้งก็ตัดสินใจออกมาแก้ต่าง แก้ตัว ด้วยการอ้างว่า เป็นคนของสำนักข่าว ThaiVoice ซึ่งถ้าเป็นคนที่ติดตามข่าวการเมืองมาตลอด ก็จะรู้ว่า “ต้อม ไทยวอยซ์” นี่ก็ไม่ใช่ใครอื่นใด เป็นพวกเสื้อแดงเก่าที่เคลื่อนไหวมาเนิ่นนาน แต่ปัจจุบันก็เอาตัวรอด หันมาถ่ายรูป ทำข่าวหาตังค์ และใครๆ ที่อยู่ในวงการสื่อก็จะรู้ว่า “ต้อม” รู้จักกับตำรวจและเจ้าหน้าที่การข่าวมากมาย มันจึงไม่แปลกเลยที่ “โต้ง” จะขอให้ “ต้อม” ช่วย และที่สำคัญ ไปอ่านดูให้ดีๆ นะครับ ในหนังสือที่โต้งเอามาโพสต์อ้าง เพื่อแก้ตัว มันลงวันที่ 17 ก.ย. 64 ซึ่งเป็นวันที่หลังจากถูกผมแฉไปแล้วนะครับ ดังนั้น หลักฐานที่เอามาอ้าง เอามาแก้ตัว ฟังไม่ขึ้นอยู่แล้วครับ (ผมแฉไปตั้งแต่ 16 ก.ย. 64 จากนั้น โต้งก็ไปดิ้นรน หาทาง “แถ” เพื่อบิดเบือน และเอาตัวรอด)

 


สำหรับ สำนักข่าว ThaiVoice เนี่ยนะครับ มันเป็นสื่อเถื่อน ใครก็เข้าเป็นนักข่าวได้ครับ มันง่ายมากๆ ดังนั้น การจะอ้างมาเป็นนักข่าวช่องปลอมๆ อย่าง ThaiVoice ใครๆ ก็ทำได้ครับ ขอแค่รู้จักกับ “ต้อม” ก็ทำได้แล้ว คนในวงการเค้ารู้กันดีอยู่แล้วครับ

ผมเตือนไว้เลยนะครับว่า ถ้า “ต้อม ThaiVoice” อยากจะเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ก็จะโดนขุดยาวๆ ด้วยเช่นกันนะครับ สิ่งที่ทำไว้ในอดีตของต้อม ที่สังคมยังไม่รับรู้ ตั้งแต่ตอนเป็นเสื้อแดง ก็มีอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ผมแนะนำว่า ต้อม ควรจะหลีกทางอย่าเอาตัวเข้ามาเสี่ยงที่จะโดน “แฉ” ตรงนี้เลยดีกว่านะครับ

ผมเองเป็นประชาชนคนธรรมดา แต่ผมไม่กลัวหรอกครับ ไม่กลัวพวกข้าราชการที่ฉ้อโกง หรือ ประพฤติชั่ว หมิ่นสถาบัน คนพวกนี้เหมือนเป็นเหลือบไร ในวงการราชการ ผมไม่ให้ราคาแน่นอน อย่าคิดว่า ประชาชน จะไม่กล้างัดกับข้าราชการชั่วๆ ท่านคิดผิดแล้วครับ ใครไม่ทำ แต่ผมจะทำ ไม่น่าเชื่อว่า สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ สิ้นไร้ไม้ตอก ขนาดต้องใช้คนอย่าง โต้ง-จิระศักดิ์ มาทำงานแล้วอย่างนั้นหรือครับ คนดีมีความสามารถกว่านี้ ที่ใช้เป็นสายลับ ไม่มีแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ ถ้าอับจนหนทางขนาดนั้น จ้างผมก็ได้นะครับ หรือจะจ้างน้องๆ ในทีมผมก็ได้ มีหลายคนยังว่างงาน อยากเป็นข้าราชการอยู่ ได้นะครับ

ผมจะขอบอกเอาไว้สักนิดนะครับ ว่า ไอ้ข้ออ้างที่ว่า “ต้องหมิ่นสถาบัน ต้องโพสต์โจมตีสถาบัน ถึงจะได้รับความไว้วางใจ เข้าร่วมกลุ่มกับพวกสามนิ้วได้” นั้น มันเป็นข้ออ้างที่ไร้สาระมากครับ น้องๆ ในทีมของผมก็เข้าไปอยู่ในกลุ่มสามนิ้วได้ ไม่เห็นต้องโพสต์อะไรในเฟสบุ๊คส่วนตัวที่หมิ่นสถาบัน หรือ เสียดสีสถาบันเลย ก็แค่มีจุดยืนว่าจะไล่นายก เกลียดลุงตู่ ก็เข้าไปอยู่กับพวกสามนิ้วได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องจาบจ้วงสถาบันอย่างเปิดเผยเลย แต่ที่ โต้ง-จิระศักดิ์ ทำนั้น ไม่ใช่การ “เนียน” เพื่อให้ “สามนิ้ว” เชื่อใจ แต่มันคือ การกระทำจากความรู้สึกส่วนตัว ที่เกลียดสถาบันกษัตริย์อยู่แล้ว ถามจริงๆ นะครับ เรื่องแค่นี้ ผู้บังคับบัญชาของ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ คิดวิเคราะห์แบบผมไม่ได้เหรอครับ

ถ้าคนที่ทำงานด้านการข่าวให้กับหน่วยงานราชการอย่าง สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ต้องหาข่าวจากพวกสามนิ้วแล้วเอามารายงานให้หน่วยทราบ แต่ขาดภูมิคุ้มกันทางความคิด กลับเชื่อคำของพวกสามนิ้ว แบบนี้มันดูทุเรศนะครับ แล้วประชาชนอย่างพวกเราจะไปพึ่งพาใครได้

ก็หวังว่าเรื่องนี้ จะไปถึงหูของคนที่มีอำนาจได้พิจารณากันดูนะครับ ว่า สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ไร้ซึ่งคนดีฝีมือขนาดนี้จริงๆ แล้วหรือ? ถึงต้องใช้วิธีการส่งคนเข้าไปหาข่าว ด้วยการหมิ่นสถาบันให้หนักๆ แรงๆ เพื่อแลกมากับข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามนิ้ว ตกลงจะส่งคนเข้าไปเพื่อหาข่าว หรือ ส่งเข้าไปเพื่อช่วยสนับสนุนการปล่อยข่าวที่หมิ่นสถาบันกันแน่???

Popular posts from this blog

สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน จนต้องขอยุติบทบาท นักสืบพิฆาตสามนิ้ว

นี่จะเป็นบทความสุดท้ายที่ผมจะเขียนบอกลาแฟนคลับทุกท่าน เพราะหลังจากที่ผมได้เขียนบทความเปิดโปง “สายลับผู้ที่จาบจ้วงสถาบัน” ของ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 บทความ (เดี๋ยวผมแปะลิ้งเอาไว้ที่ใต้นี้ให้ดูถ้าใครสนใจอยากรู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ว่าทำไมพี่ทักต้องยุติบทบาทด้วย) สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผมได้รับแจ้งจากทั้งนักข่าวที่เป็นรุ่นน้อง และ ข้าราชการที่อยู่หน่วยความมั่นคง ส่งข้อความมาบอกเล่าว่า ให้ระวังตัว เนื่องจากตอนนี้ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน อย่างเต็มรูปแบบ หมายหัวเอาไว้ ว่าจะจับตัวให้ได้ และจะเล่นงานให้ได้ ก็แปลกนะครับ แทนที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เอาผิดลูกน้องตัวเอง แต่กลับหันเป้ามาล็อคที่คน “แฉ” เรื่องนี้ และจ้องจะตามล่าตัว จะเล่นงานให้ได้ ก็แปลกดีนะครับ “ข้า-ราช-การ” หน่วยนี้ บทความแรก ที่ผมเขียน แฉสายลับผู้ที่จาบจ้วงสถาบัน บทความที่สอง ที่ผมเขียน ถามหาความรับผิดชอบจากหน่วยต้นสังกัดของสายลับคนนั้น  สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน จนทำให้พี่ทักต้องประกาศยุติบทบาท อันที่จริงแล้ว การติดต่อกับผมนั้น ทำไ...

แบงค์ “เมียสลิ่มก็ไม่เอา” ควงแฟนใหม่ “ที่เกลียดสลิ่ม” ออกงาน Car Mob 19 ก.ย. 64

เรื่องนี้จะไม่เอาขยายผลก็คงจะไม่ได้ ถ้าใครได้ติดตามเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ “พี่ทัก นักสืบเอกชน” มาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นบ้านของแกนนำกลุ่ม “โรนิน ฝั่งธน” นั่นคือ แบงค์ ตามคลิปที่เห็นด้านล่างนี้นี่แหละครับ ซึ่งการตรวจค้นของทางตำรวจก็ทำตามกฎหมายนะครับ มีหมายค้นมาอย่างถูกต้อง ประเด็นก็คือ ภรรยาของ แบงค์ ไม่พอใจที่ แบงค์ หาเรื่องเข้าบ้าน เตือนแล้วว่าอย่าไปม็อบก็ไม่ฟัง จนตำรวจบุกมาค้นบ้าน อับอายคนในหมู่บ้าน แต่แบงค์ก็เลยสวนกลับ ว่าภรรยาตัวเองว่าเป็นสลิ่ม จนทำให้ แบงค์ จิ๊กโก๋ โรนินฝั่งธน โด่งดังไปทั้งประเทศด้วยวลีเด็ด “เมียสลิ่มก็ไม่เอาครับ” และประกาศว่าจะย้ายออกจากบ้านทันที แล้วบ่ายวันนั้นก็ไปม็อบต่อ แบงค์ “เมียสลิ่มก็ไม่เอา” นอกใจภรรยา ตั้งแต่ก่อนที่จะมีประเด็นหลังจากโดนตำรวจค้นบ้าน หลังจากวันที่ 10 ก.ย. 64 แบงค์ “เมียสลิ่มก็ไม่เอาครับ” ก็ได้ย้ายออกจากบ้านจริงๆ เหมือนจะประกาศแยกทางกับภรรยา แต่มีการโพสต์เป็นห่วงลูกชายด้วย ทำให้หลายคนมองว่า แบงค์ เป็นพ่อบ้านใจกล้าที่ไม่กลัวเมียจริงๆ แต่ประเด็นก็คือ เมื่อทำการตรวจสอบย้อนหลังไป จะพบว่า ...

นักสืบ แฉ "สายลับ" ของหน่วยข่าวแฝงตัวในม็อบสามนิ้ว "หนอน" กลายเป็น "เกลือ"

หลายคนคงจะได้เห็นภาพที่เอาผมเอาลงไปก่อนหน้านี้ ว่ามีคนมาโวยวาย กล่าวหาว่าผมเอาภาพที่เค้าถ่ายไปใช้ในเฟส/ทวิต โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจริงครับ ถูกต้องตามที่เค้ากล่าวเลย แต่ๆๆ ใจเย็นๆ ครับ มันมีที่มาที่ไป ผมจะขอเล่าย้อนความตามลำดับซะหน่อย จะได้ให้ความรู้เรื่องการสืบสวนทางออนไลน์กับแฟนคลับทุกท่าน ( วิชา นักสืบ 101 ) จะได้เข้าใจว่า จริงๆ แล้ว ทุกคนก็ทำอย่างผมได้ มันไม่ยากเลย ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรพิเศษ ก็สามารถพิสูจน์ตัวตนของบุคคลในโลกออนไลนได้ เพียงแต่ครั้งนี้ ผมดันไปจับปลาตัวใหญ่ได้ด้วยเบ็ดตกปลาไม้ไผ่อันเล็กๆ แค่อันเดียว อาจจะเรียกว่า ใช้แค่เบ็ดเล็กๆ แต่ตกได้ปลาวาฬซะงั้น มาดูกันครับว่า มันเป็นยังไง เรื่องนี้ยาวนิดนึง แต่รับรองว่า อ่านสนุก และได้ความรู้แน่ๆ ครับ ในช่วงที่ผ่านมาผมกำลังตามสืบพวก ตากล้อง/ช่างภาพ(เถื่อน) ทั้งหลาย ทั้งตากล้องภาพนิ่ง ทั้งพวกไลฟ์สด ที่แอบแฝงตัวมาอยู่ในม็อบสามนิ้ว แล้วถ่ายภาพหากิน แต่การจะหาตัวตนของคนพวกนี้ว่าเค้าเป็นใคร มันยากครับ แค่เจอหน้า เห็นหน้า มันพิสูจน์ตัวได้ยาก ยิ่งใส่หน้ากากด้วยแล้ว ยิ่งยากไปกันใหญ่ ดังนั้น เราก็ต้องวางเบ็ดใส่เหยื่อวางไว้ครับ เทคนิคก็คือ...