Skip to main content

ภูมิ หัวลำโพง และพรรคพวก ใช้วัดสุทธิวราราม เป็นแหล่งมั่วสุมและเก็บอาวุธ จริงหรือไม่?

 

จากบทความก่อนหน้านี้ ที่ผมได้เขียนอธิบายที่มาที่ไปที่ทำให้ "เฮียณุ คนไม่กลัวเมีย" โดน ภูมิ หัวลำโพง ยกพวกไปถล่มถึงที่ แถวดินแดง หลังจากที่ผมได้เผยแพร่บทความนี้ไป และได้ขอ นมัสการ พระเดชพระคุณพระสุธีรัตนบัณฑิต,รศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร และเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มจร. ให้ช่วยพิจารณาเรื่องนี้ แต่ก็ยังคงเงียบ ไม่มีเสียงสะท้อนใดๆ ออกมา ผมเองก็คิดว่า เป็นไปได้ที่เรื่องนี้อาจจะยังไม่ทราบไปถึงหูของ พระเดชพระคุณท่าน ก็เป็นได้ หรือ อาจจะถึงหูแล้วแต่พระเดชพระคุณท่านอาจจะมองว่า นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย เด็กมันก็เกเรตามประสาเด็ก ผมก็พอเข้าใจได้ครับ แต่เรื่องที่ผมกำลังจะเอามานำเสนอนี้ เกี่ยวกับ พฤติกรรมของ ภูมิ หัวลำโพง และพรรคพวก ที่ใช้วัดสุทธิวราราม เป็นฐานบัญชาการ มั่วสุม และเก็บสะสมอาวุธสำหรับก่อเหตุในม็อบ ถ้าหากเป็นจริง คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ของเด็กเกเรแล้วกระมังครับ

ภูมิ หัวลำโพง และพรรคพวก ใช้วัดสุทธิวราราม เป็นแหล่งมั่วสุมและเก็บอาวุธ จริงหรือ?

จากที่ผมได้เข้าไปสืบสาวราวเรื่องจากคนในวัด พบว่า ภูมิ หัวลำโพง และพรรคพวก (ไท แบงค์ หนุ่ย) จะมั่วสุมอยู่ที่ ศาลา 6 เป็นหลัก โดยในกลุ่มนอกจากคนที่เอ่ยชื่อมาแล้ว ยังมีอีกหลายคน ทั้งหญิงและชาย มั่วสุมกันอยู่ใน ศาลา 6 วัดสุทธิวราราม เป็นประจำ พอไปชุมนุมเสร็จก็มานอนที่วัด น้ำ-ไฟ ฟรี สบายสุดๆ เรื่องพฤติกรรมของ ภูมิ หัวลำโพง และพรรคพวก ถ้าพระเดชพระคุณอยากทราบรายละเอียด กระผมแนะนำให้สอบถามจาก หลวงพี่พร้อมพงษ์ ดูนะครับ ท่านน่าจะทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี (เดิมทีพวก ภูมิ หัวลำโพง นอนกันอยู่ที่ ศาลา 1 แล้วดันมีปัญหาเกิดขึ้น หลวงพี่เค้าเลยให้ย้ายไปอยู่ ศาลา 6 ชั้น 2)

ในช่วงเช้า ภูมิ หัวลำโพง และพรรคพวกจะมาสุมหัวกันอยู่ที่ ศาลา 1 มารออะไร? ก็รอเคลมของบริจาค ข้าวสาร อาหารแห้ง และอุปกรณ์ต่างๆ นี่แหละ พวกนี้ขนออกจากวัดเป็นประจำ ส่วนจะถึงขั้นขนไปให้ พ่อยก แม่ยก เอาไปแจกในม็อบเพื่อลดต้นทุน เก็บเงินบริจาคเข้ากระเป๋าตัวเองฟรีๆ เนียนๆ แล้วเอาของบริจาคจากวัดที่พวกภูมิเอาออกมา ไปแจกที่ม็อบ อันนี้เป็นไปได้หรือไม่ ทุกท่านก็ลองใช้วิจารณญาณกันเอาเอง เพราะผมเคยเล่าถึงความสัมพันธ์ของ ภูมิ และพรรคพวก ไปแล้วว่า ในม็อบมีใครดูแลเด็กๆ พวกนี้อยู่

ที่ศาลา 6 จะมี โล่ กระบอง ของตำรวจ คฝ. ที่พวกนี้เคยยึดมา มันเคยเอามาอวด เอามาโชว์คนอื่นอยู่ รวมทั้งยังมีอาวุธอื่นๆ สะสมไว้ เช่น มีด ปืน พลุ จะเรียกว่า มีเป็นคลังแสงย่อมๆ ก็ไม่ผิด ซึ่งของที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเก็บไว้ที่ ศาลา 6 ชั้น 2 ภายในวัดสุทธิวราราม

Routine ของ ภูมิ และพรรคพวก ก็เรียบง่ายมากครับ มีเงินเดือนจากวัดสุทธิวราราม คนละ 15,000 บาท เช้าไปทำอาสากับโครงการของวัด ตกเย็นมาก็ไปชุมนุม ดึกมาก็นอนวัด เรียบง่ายและชิลมาก

ภาพจาก Voice

ข้อมูลเหล่านี้ได้จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ภายในวัดสุทธิวรารามถึง 5 Sources ด้วยกัน พูดเหมือนกัน ตรงกันทุกประการ ดังนั้น ข้อมูลเหล่านี้ มีความน่าเชื่อถือสูงมากครับ แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองเข้าไปดูในเฟสบุ๊คของคนพวกนี้ดูครับ แล้วคุณจะรู้เองว่า มันเป็นไปได้หรือไม่ได้

หลังจากที่ผมโพสต์และเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ทางตำรวจก็ควรจะเข้าไปตรวจสอบตามข้อมูลนี้เช่นกัน แต่อย่าคาดหวังว่าจะเจออาวุธและสิ่งที่ผมบอก เพราะมันคงขนย้ายหนีไปหมดแล้วล่ะครับ ใช้รถตู้ขนได้สบายเลย ก็พวกมันจะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อพวกมันมาคอยตามข้อมูลและสิ่งที่ผมเอามาแฉจากในเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ของผมอยู่แล้ว มันก็ต้องรู้ก่อนตำรวจเป็นธรรมดา งั้นถามว่า ทำไมผมถึงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับตำรวจก่อนล่ะ แจ้งเบาะแสโดยตรงให้ตำรวจรู้ ให้ตำรวจเข้าไปจับ ไปเจอหลักฐานแบบเต็มๆ ไม่ดีกว่าหรือ?

พูดน่ะมันง่ายครับ แต่ผมไม่รู้จักกับตำรวจ ไม่รู้จักกับพวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเลย แล้วผมจะไปแจ้งใคร ถ้าเป็นเจ้าของร้านขายกับข้าวที่ตลาดนัด เออ..แบบนี้ผมรู้จัก ไปบอกได้ แต่นี่เป็นตำรวจ ถ้าผมไปแจ้ง เค้าจะเชื่อผมเหรอครับ และในเฟสบุ๊คกับทวิตเตอร์ของผม ก็มีคนติดตามแค่นิดเดียว ไม่มีใครเชื่อผมหรอกครับ แต่เอาเถอะ ถึงพวกมันจะรู้ตัว แต่ทุกคนก็รู้เรื่องนี้พร้อมกับพวกมันอยู่แล้ว ยังไงมันก็ไปไม่รอดอยู่ดีครับ "ของมันร้อน" จะเก็บไว้ที่ไหนได้นาน เดี๋ยวผมตามสืบแป็บเดียวก็รู้แล้วว่ามันเก็บไว้ไหน แต่จะเอาไปบอกกับตำรวจยังไง อันนี้ผมก็ยังคิดไม่ออก ค่อยว่ากันทีหลังละกันนะ

พฤติกรรมของ ภูมิ หัวลำโพง และพรรคพวก ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของ เด็กมีปัญหาในครอบครัว ขาดความอบอุ่น ไร้พ่อขาดแม่เท่านั้นนะครับ แต่นี่มันกลายมาเป็นปัญหาสังคมที่กระทบเป็นวงกว้าง และกระทบถึงสวัสดิภาพของประชาชนคนอื่นๆ ในสังคมอีกด้วย เราต้องทำความเข้าใจด้วยว่า นี่เป็นผลมาจากปัญหาครอบครัว ที่หล่อหลอมให้เด็กกลุ่มนึง โตขึ้นมาอย่างไม่มีคุณภาพ เพราะไม่ได้รับการศึกษาที่ดีอย่างเพียงพอ และไม่ได้รับการปลูกฝังแนวความคิดที่ถูกที่ควร ทำให้พฤติกรรมของพวกเขากระทบมาเป็นปัญหาของสังคมโดยรวม ส่วนสำคัญเลยก็มาจากคนรอบตัว และคนใกล้ชิด ที่ต่างยุยงส่งเสริม ใส่แนวความคิดผิดๆ ให้เด็กพวกนี้ตลอดเวลา แนะนำให้กระทำแต่สิ่งที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังไม่ช่วยอบรม สั่งสอน ตักเตือนให้เด็กพวกนี้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควร หลายคนอาจจะคิดว่านี่เป็นเหมือนในละครน้ำเน่า ผมก็ว่าไม่ผิด เพราะละครมันก็เอาเค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริงนี่แหละ เพียงแต่ในละครมันมักจะจบแบบสวยๆ คนร้ายมักจะสำนึกตัวได้ เด็กไม่ดีกลับตัวกลับใจได้ แต่ในโลกความเป็นจริง ตอนจบมันอาจจะจบไม่สวย และไม่งดงาม ไม่ซาบซึ้งใจแบบในละครก็ได้นะ

ผมก็ได้แต่หวังอีกครั้ง (เป็นครั้งที่สองแล้ว) ว่า เรื่องนี้จะไปถึงหูของ พระเดชพระคุณพระสุธีรัตนบัณฑิต,รศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มจร. โดยเร็ว

ด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง

พี่ทัก นักสืบเอกชน

Popular posts from this blog

สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน จนต้องขอยุติบทบาท นักสืบพิฆาตสามนิ้ว

นี่จะเป็นบทความสุดท้ายที่ผมจะเขียนบอกลาแฟนคลับทุกท่าน เพราะหลังจากที่ผมได้เขียนบทความเปิดโปง “สายลับผู้ที่จาบจ้วงสถาบัน” ของ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 บทความ (เดี๋ยวผมแปะลิ้งเอาไว้ที่ใต้นี้ให้ดูถ้าใครสนใจอยากรู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ว่าทำไมพี่ทักต้องยุติบทบาทด้วย) สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผมได้รับแจ้งจากทั้งนักข่าวที่เป็นรุ่นน้อง และ ข้าราชการที่อยู่หน่วยความมั่นคง ส่งข้อความมาบอกเล่าว่า ให้ระวังตัว เนื่องจากตอนนี้ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน อย่างเต็มรูปแบบ หมายหัวเอาไว้ ว่าจะจับตัวให้ได้ และจะเล่นงานให้ได้ ก็แปลกนะครับ แทนที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เอาผิดลูกน้องตัวเอง แต่กลับหันเป้ามาล็อคที่คน “แฉ” เรื่องนี้ และจ้องจะตามล่าตัว จะเล่นงานให้ได้ ก็แปลกดีนะครับ “ข้า-ราช-การ” หน่วยนี้ บทความแรก ที่ผมเขียน แฉสายลับผู้ที่จาบจ้วงสถาบัน บทความที่สอง ที่ผมเขียน ถามหาความรับผิดชอบจากหน่วยต้นสังกัดของสายลับคนนั้น  สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน จนทำให้พี่ทักต้องประกาศยุติบทบาท อันที่จริงแล้ว การติดต่อกับผมนั้น ทำได้ง่

เปิดเผย “โต้ง สายลับที่มีใจสามนิ้ว” เด็กของ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผมได้เขียนบทความ นักสืบ แฉ "สายลับ" ของหน่วยข่าวแฝงตัวในม็อบสามนิ้ว "หนอน" กลายเป็น "เกลือ" ไปแล้วนั้น มีแฟนคลับหลายคนที่เป็นข้าราชการสอบถามเข้ามาว่า บุคคลดังกล่าว สังกัดอยู่ในหน่วยงานใด เพราะไม่พอใจกับการเสียดสีสถาบันของ โต้ง เป็นอย่างมาก ซึ่งผมเองก็เกรงว่าเพื่อนผมที่เป็นคนให้ข้อมูลจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่ เนื่องจากอยู่หน่วยงานเดียวกันกับโต้ง จึงไม่ได้เปิดเผยชื่อของหน่วยงานนั้นตั้งแต่แรก แต่หลังจากที่ผมได้คุยกับเพื่อนเพิ่มเติมหลังจากที่เอาบทความลงไป เพื่อนผมบอกว่า ควรจะเปิดเผยชื่อหน่วยงานไปเลย เพราะหน่วยงานนี้ มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความผิดของลูกน้อง และหัวหน้าแผนกส่วนใหญ่ก็ชอบเอาดีเข้าตัว บางคนก็มีใจเป็น “สามนิ้ว” ไม่ต่างจาก โต้ง ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีแบบนี้ในหน่วยงานราชการด้วย หากหน่วยงานความมั่งคงทางด้านการข่าว กลับมีคนที่มีใจสามนิ้ว และไม่เอาสถาบันกษัตริย์ อยู่ในหน่วยงานนี้ รับเงินเดือนหลวง แต่ทรยศหลวง มันทุเรศเกินไปนะครับ เปิดเผย โต้ง สายลับที่มีใจสามนิ้ว ลูกรักของ สำนักงานข่าวกรอ

"เฮียณุ คนไม่กลัวเมีย" โดนอดีตเด็กในเครือ ต่อยหน้า เจ็บทั้งเฮียณุ เจ็บทั้งเมีย คนที่หาเรื่องนำทีมโดย ภูมิ หัวลำโพง

เมื่อคืนนี้ มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น นั่นคือ อยู่ๆ "ภูมิ หัวลำโพง" หรือ นายศศลักษณ์ สุขเจริญ ยกพวกมาหารุมยำ เฮียณุ ถึงที่ร้าน ที่ดินแดง (ปกติเฮียณุ แกมาทุกวันอยู่แล้ว) ซึ่งจากในคลิปไลฟ์สดของ "เฮียณุ คนไม่กลัวเมีย" เราจะเห็นได้ว่า มีผู้ชายตัวอ้วนๆ ใหญ่ๆ คนนึง เข้ามาสาวหมัดใส่เฮียณุ (ซึ่งภรรยาเอาตัวบังเฮียณุไว้อยู่) โดยชายคนดังกล่าวสาวหมัดไม่ยั้ง โดนทั้งเฮียณุ โดนทั้งเมีย คนที่ต่อยก็พูดอย่างเดียวว่า "ด่าแม่กูใช่มั้ย" "ด่าแม่กูเหรอ" แล้วก็รัวหมัดไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัวของคนที่อยู่ตรงนั้น คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปห้าม หรือ เข้าไปช่วยเฮียณุได้ เพราะมีชายฉกรรจ์ที่มากับกลุ่มของ ภูมิ หัวลำโพง มาชี้หน้าห้ามเอาไว้ ทำตาขมึงและบอกเลยว่า อย่ามายุ่ง เรื่องราวมันมีที่มาที่ไปอย่างไร? ทำไม "เฮียณุ คนไม่กลัวเมีย" ถึงโดนพวกของ ภูมิ หัวลำโพง เล่นงาน?  เรื่องของเรื่อง มันเป็นแบบนี้ครับ คนที่ต่อย "เฮียณุ คนไม่กลัวเมีย" ที่อ้วนๆ ตัวใหญ่ๆ คนนั้นชื่อ "เอก" มันเคยอยู่กับ "เฮียณุ คนไม่กลัวเมีย&q