หลายคนคงจะได้เห็นภาพที่เอาผมเอาลงไปก่อนหน้านี้ ว่ามีคนมาโวยวาย กล่าวหาว่าผมเอาภาพที่เค้าถ่ายไปใช้ในเฟส/ทวิต โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจริงครับ ถูกต้องตามที่เค้ากล่าวเลย แต่ๆๆ ใจเย็นๆ ครับ มันมีที่มาที่ไป
ผมจะขอเล่าย้อนความตามลำดับซะหน่อย จะได้ให้ความรู้เรื่องการสืบสวนทางออนไลน์กับแฟนคลับทุกท่าน (วิชา นักสืบ 101) จะได้เข้าใจว่า จริงๆ แล้ว ทุกคนก็ทำอย่างผมได้ มันไม่ยากเลย ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรพิเศษ ก็สามารถพิสูจน์ตัวตนของบุคคลในโลกออนไลนได้ เพียงแต่ครั้งนี้ ผมดันไปจับปลาตัวใหญ่ได้ด้วยเบ็ดตกปลาไม้ไผ่อันเล็กๆ แค่อันเดียว อาจจะเรียกว่า ใช้แค่เบ็ดเล็กๆ แต่ตกได้ปลาวาฬซะงั้น มาดูกันครับว่า มันเป็นยังไง เรื่องนี้ยาวนิดนึง แต่รับรองว่า อ่านสนุก และได้ความรู้แน่ๆ ครับ
ในช่วงที่ผ่านมาผมกำลังตามสืบพวก ตากล้อง/ช่างภาพ(เถื่อน) ทั้งหลาย ทั้งตากล้องภาพนิ่ง ทั้งพวกไลฟ์สด ที่แอบแฝงตัวมาอยู่ในม็อบสามนิ้ว แล้วถ่ายภาพหากิน แต่การจะหาตัวตนของคนพวกนี้ว่าเค้าเป็นใคร มันยากครับ แค่เจอหน้า เห็นหน้า มันพิสูจน์ตัวได้ยาก ยิ่งใส่หน้ากากด้วยแล้ว ยิ่งยากไปกันใหญ่ ดังนั้น เราก็ต้องวางเบ็ดใส่เหยื่อวางไว้ครับ
เทคนิคก็คือ การเอาภาพของเค้ามาใช้ แล้วแปะลายน้ำเข้าไป เพื่อหลอกให้คนพวกนี้เปิดเผยตัวตนออกมา คือ พวกตากล้องทั้งหลาย ส่วนใหญ่เค้าจะมีความเป็นศิลปินในตัวเองครับ (ไม่มากก็น้อยแหละ) เค้าจะรักในผลงานของตัวเอง และจำภาพที่ตัวเองถ่ายได้ ถ้าผลงานของเค้าถูกคนอื่นเอาไปตีตราว่าเป็นของตัวเอง เค้าก็จะทนไม่ได้ รีบออกมาแสดงตัวทันที แม้ว่าจริงๆ แล้ว มันจะเป็นรูปที่เกี่ยวกับม็อบและอาจจะมีเรื่องที่ผิดกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง และถึงแม้ว่าจริงๆ เค้าก็ควรจะปิดบังตัวตนก็ตาม แต่ถ้าโดนคนอื่นมาขโมยผลงานที่เค้าเป็นคนทำ เค้าจะรีบออกมาเปิดเผยตัวตนทันที นี่แหละ เบ็ดและเหยื่อที่ผมวางเอาไว้
จากในหลายๆ ภาพที่ผมเอามา "ล่อเป้า" ผ่านไป 1 สัปดาห์ก็ยังเงียบ จนวันนี้ มีคนนึงติดต่อมาทาง inbox ว่า เป็นเจ้าของภาพดังกล่าว และไม่พอใจที่ผมเอาลายน้ำ "พี่ทัก" มาใส่ -- เข้าทางเลยสิครับ เปิดเผยตัวตนมาแบบนี้ ก็ต้องตามสืบดูกันหน่อยว่าเป็นใคร ตอนแรกกะว่าจะยั่วให้เค้าไปแจ้งความด้วย จะได้รู้ชื่อจริงนามสกุลจริง แต่ก่อนจะทำแบบนั้น ลองตรวจสอบโปรไฟล์เฟสบุ๊คของเค้าดูซะก่อนดีกว่า เผื่อเจออะไรง่ายๆ ไม่ต้องเสียเวลารอให้เค้าเอาใบแจ้งความมาเปิดเผย
วิธีที่ นักสืบ ใช้จับ "สายลับ" ด้วยกับดักง่ายๆ และวิธีการขุดคุ้ยตามหลักวิชา นักสืบ 101
ทางบุคคลที่อ้างตัวว่า เป็นเจ้าของรูปถ่ายนั้น ใช้ชื่อในเฟสบุ๊คว่า Loner Dose พอผมเห็นรูปโปรไฟล์ ก็ชัดเจนทันทีว่า นี่เป็นพวกที่มีแนวคิดต่อต้านสถาบันกษัตริย์อย่างแน่นอน สามนิ้วชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลย
พอผมไปตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ก็พบความผิดปกติอย่างแรก ทำไมใช้ชื่อเฟสแปลกๆ ทำไมไม่ใช้ชื่อจริง ทำไมใส่ที่อยู่ไม่ใช้ประเทศไทย (ก็อยู่เมืองไทยแท้ๆ) เพราะดันเขียนว่า อยู่ที่สเปน เอ๊ะ..ยังไงก็แน่ แล้วมาบอกว่าเป็นเจ้าของภาพดังกล่าวได้ยังไง? เริ่มงงๆ งั้นต้องขุดกันต่อครับ
พอผมขุดคุ้ยในเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ สิ่งที่ผมพบเป็นอย่างแรกที่ระบุตัวตนของบุคคลดังกล่าวได้ก็คือ ลายน้ำที่เค้าใส่ไว้ในรูปถ่ายที่อยู่ในเฟสบุ๊คครับ มันเขียนว่า Jirasak Jivawatanawanit และมีคำว่า สงวนลิขสิทธิ์ด้วย ซึ่งภาพแบบนี้ ส่วนใหญ่ถ้าช่างภาพเค้าใส่ลายน้ำ ก็เพื่อระบุความเป็นเจ้าของและมักเอาไว้ใช้ "ขาย" ให้กับสำนักข่าวหรือบุคคลที่ต้องการเอาไปใช้ ดังนั้นหากคุณต้องการเอาภาพนี้ไปใช้โดยไม่ใส่เครดิต คุณก็ต้องซื้อภาพต้นฉบับจากเค้า ก็จะได้ภาพแบบไม่มีลายน้ำที่เป็นชื่อเค้าอยู่ในนั้น พูดง่ายๆ คือ เค้าจะขายภาพนั่นแหละว่างั้น หรือถ้ามีคนเอาไปใช้ ก็จะเป็นการประกาศผลงานของตัวเองไปในตัวว่า คนที่ถ่ายภาพนี้คือ คนนี้นะ แต่การจะเอาไปใช้ก็ต้องขออนุญาตเจ้าของด้วย เพราะเค้าเขียนว่า All Rights Reserved (แต่ผมดันเอามาใช้โดยไม่ขอไง แล้วแปะลายน้ำเข้าไปอีก เลยหัวร้อน กลัวจะขายภาพนั้นไม่ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ 555)
หลังจากนั้น ผมก็เจอภาพหน้าตาของเค้า ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า บุคคลที่มีหน้าตาตามนี้ ชื่อว่า Jirasak Jivawatanawanit ซึ่งเมื่อแปลเป็นไทยก็คือ นายจิระศักดิ์ จิวะวัฒนาวนิช
แต่พอเอาชื่อไปค้นหาใน Google ก็พบข้อมูลหลายอย่างเพิ่มเติมเข้ามา เมื่อรวมกันระหว่างที่ผมค้นพบใน เฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์ และ Google แล้ว สรุปเลยว่า ตากล้องคนนี้ ชื่อ นายจิระศักดิ์ จิวะวัฒนาวนิช เรียนจบโรงเรียนโยธินบูรณะ และจบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลพระนคร และมีการลงเรียนในมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วย (ส่วนแฟนและชีวิตส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องพูดถึง แฟนเค้าไม่เกี่ยว) แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ในผลการค้นหาของ Google ดันไปพบประเด็นนี้ด้วยครับ
ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมาก เพราะที่เราพบเพิ่มเติมก็คือ นายจิระศักดิ์ คนนี้ ชื่อเล่นว่า โต้ง แต่พอสังเกตที่รายชื่อคนทำบุญให้ดีๆ เอ๊ะ..ทำไมมีคนที่เป็นข้าราชการเยอะจัง มันชักจะยังไงอยู่หรือเปล่า คือ โดยปกติการทำบุญในโครงการอะไรพวกนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดาๆ อย่างเราๆ ก็จะมีแต่คนธรรมดาไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์เยอะกว่าพวกข้าราชการ แต่ในโครงการบุญอันนี้ รู้สึกว่า ข้าราชการเยอะมากๆ เป็นไปได้มั้ยว่า นี่เป็นโครงการที่มีพวกหน่วยราชการเข้ามาร่วมทำบุญกัน ไม่แน่ๆ แบบนี้เราสามารถสันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่า นายจิระศักดิ์ หรือชื่อเล่นว่า "โต้ง" คนนี้ จริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่คนธรรมดา คือ ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป แต่อาจจะเป็นพวกข้าราชการ หรือ สนิทกับพวกคนมีสี
ว่าแล้วก็ถึงเวลาที่ผมต้องยกหูหาเพื่อนที่เป็นข้าราชการ ผมไม่มีเพื่อนเป็นตำรวจ หรือ ทหารนะครับ แต่ผมมีเพื่อนที่สอบ ก.พ. แล้วบรรจุรับราชการ อยู่ที่ หน่วยงานด้านการข่าวแห่งหนึ่ง (ไม่ใช่ของทหารและไม่ใช่ของตำรวจ มีแต่พลเรือนล้วนๆ) เรียกว่า หน่วยข่าว ส. ก็แล้วกัน เลยขอร้องให้เพื่อนช่วยเช็คชื่อคนนี้ให้หน่อย ว่าเป็นข้าราชการพลเรือน หรือ เป็นทหาร ตำรวจ อะไรแบบนี้หรือเปล่า? เพื่อนผมเค้าทำงานนั่งโต๊ะสายธุรการครับ เพราะแก่แล้ว เลยไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับม็อบหรืองานข่าวอะไรหรอก แต่เค้าก็รู้จักกันหมดนั่นแหละนะตามระบบราชการ
ผ่านไปครึ่งวัน เพื่อนแจ้งกลับมาบอกว่า บุคคลดังกล่าว เป็น "พนักงานราชการ" ทำงานที่เดียวกับมันนี่แหละ คือ หน่วยข่าว ส. เฮ้ย!!! ถามจริงๆ ผมถามย้ำหลายครั้ง ว่า เช็คให้ดีๆ นะเพื่อน ข้าราชการเค้าจะไปทำอะไรในม็อบไปอยู่กับผู้ชุมนุมแบบนั้น คือ จะเรียกว่า "โต้ง" เป็นเหมือนผู้ชุมนุมสามนิ้วคนหนึ่งเลยก็ไม่ผิด เพราะจากที่ผมดูในเฟสบุ๊ค โต้งมีแนวคิดไปทางสามนิ้วเต็มขั้น แต่ทำตัวเหมือนเป็นสื่อมวลชนทั่วไป เหมือนเป็นกลาง คนแบบนี้จะเป็นข้าราชการได้อย่างไร และที่สำคัญ ภาพ/คลิป ที่นายคนนี้ถ่ายออกมานั้น คือ เค้าอยู่ใจกลางกลุ่มผู้ชุมนุมเลยนะ เหมือนเป็นผู้ชุมนุมเลยล่ะ แต่เพื่อนผมก็ยืนยันมาว่า เช็คหลายครั้งแล้ว ยืนยันว่า "ใช่"
เพื่อนผมเล่าให้ฟังต่อว่า นายคนนี้ ชื่อเล่นว่า โต้ง มีชื่อจริงคือ นายจิระศักดิ์ จิวะวัฒนาวนิช เมื่อก่อนนี้ก็ทำงานอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็เป็นพนักงานราชการนี่แหละ ทำหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์ของเกษตรกรที่มาร้องเรียน แต่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหน ถึงเข้าตา เหยี่ยวข่าวภาคสนามของ หน่วยข่าว ส. เหยี่ยวข่าวแมวมองคนนั้นมีชื่อว่า "แจ๊ส" เค้าก็เลยดึงนายโต้งคนนี้ ไปเป็นพนักงานราชการของ หน่วยข่าว ส. แห่งนี้ โดยให้โต้งทำงานลงม็อบ ติดตามงานการเมืองเป็นหลัก
อ้าว..แล้วไปไงมาไงถึงกลายมาเป็นผู้ชุมนุมแบบนี้ได้
เพื่อนผมก็เล่าให้ฟังต่อ เพราะเพื่อนร่วมงานของมันก็ทำงานอยู่ในงานตามข่าวม็อบนี่แหละ มันเล่าให้ฟังว่า "แจ๊ส" เค้าก็ส่ง นายโต้ง คนนี้ มาเกาะติดม็อบสามนิ้ว ทำมาเป็นปีแล้ว เห็นบอกว่า ตั้งแต่แฟลชม็อบเลยนะ โดยมีหน้าที่เก็บภาพหน้าตาของบุคคลต่างๆ แกนนำ และภาพบรรยากาศ รวมทั้งรายงานยอดคน ทำมาเป็นปีแล้ว จนต่อมาผันตัวเองมาแฝงตัวเป็นนักข่าว ผูกมิตรและกลมกลืนกับแนวร่วมสามนิ้ว โดยที่พวกนั้นก็ไม่รู้เลยว่า โต้งคนนี้ คือ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงด้านการข่าวของ หน่วยข่าว ส.
ก็แปลว่า นายโต้ง คือ ตากล้องที่พวกกลุ่มสามนิ้วไว้ใจ (ไปดูในเฟสเค้าได้ ดูการพูดคุย สนทนาระหว่างโต้ง กับแนวร่วม/แกนนำสามนิ้วคนอื่นๆ แล้วจะเข้าใจ) ให้อารมณ์คล้ายๆ กับสายลับอะไรประมาณนั้น ไว้ผมยาวได้ แต่งตัวชุดทั่วไปเหมือนคนอื่นๆ ที่มาม็อบ เอาเป็นว่า งานนี้มันเหมือนกับหนังเรื่อง Infernal Affairs ภาคฮ่องกง หรือ The Departed ภาค Holywood เลยทีเดียว แสดงว่า ที่ผ่านมา โต้ง เป็นสายของเจ้าหน้าที่ความมั่งคง หน่วยข่าว ส. และ เข้าลึกถึงวงในของพวกกลุ่มสามนิ้วมาตลอดอย่างนั้นสิ เป็นปีแล้วด้วย ฟังแบบนี้แล้วอาจจะตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะครับ ใช่ครับ ตอนแรกผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แต่พอลองมาวิเคราะห์ดูเองแล้ว จากพฤติกรรมที่ผมเห็นเกี่ยวกับโต้ง มันชักจะเหมือนกับในหนังสองเรื่องที่ว่ามา มากเกินไปซะแล้วสิ เหมือนเกินไปจริงๆ
เอาจริงๆ ตอนแรกผมก็ยังสงสัยอยู่นะว่า เรื่องที่เพื่อนเล่ามา มันจะจริงหรือเปล่า เหลือเชื่อเกินไปมั้ย แต่พอผมมาดูรูปภาพที่ผมขุดมาได้ เออ..ที่เพื่อนเราบอกมา ก็น่าจะจริงนะ โต้ง มันน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทางด้านการข่าว ที่เค้าส่งมาทำงานแฝงตัวจริงๆ นั่นแหละ เพราะว่าดูแล้วโต้งสามารถเข้าไปถ่ายภาพในมุมของเจ้าหน้าที่ได้สบายมากเลย แถมปลอกแขนผู้สื่อข่าวที่ลงทะเบียนเอาไว้กับตำรวจ ก็มีถึง 2 อัน คือ (ลำดับที่ 10 กับ 11) มันพิเศษเกินกว่านักข่าวปกติจะทำได้ และที่สำคัญ ผมไม่พบนะครับว่า โต้ง เป็นผู้สื่อข่าวในสังกัดของสำนักใดๆ เลย แล้วทำไมได้ปลอกแขนที่ลงทะเบียนกับตำรวจเอาไว้ในอันดับต้นๆ เลยล่ะ ง่ายและเร็วเกินไปนะครับ (อันนี้น้องนักข่าวที่ผมรู้จักให้ความรู้ผมในเรื่องนี้ ของน้องนักข่าวที่ผมรู้จักอันดับตัวเลขที่อยู่บนปลอกแขน อยู่ลำดับท้ายๆ เลยครับ)
อย่างไรก็ตาม จากการที่ผมขุดไปลึกๆ ก็ทำให้ผมพบข้อพิรุธหลายอย่าง ซึ่งตรงนี้ผมต้องบอกก่อนเลยนะครับว่า ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ เป็นการวิเคราะห์ส่วนตัวของผมจากประสบการณ์ คือ ผมรู้สึกว่า โต้ง ในปัจจุบันนี้ไม่ได้แฝงตัวอยู่ในสามนิ้ว แต่น่าจะโดนกลืนจากพวกสามนิ้วแล้วมากกว่า เอาง่ายๆ แค่รูปโปรไฟล์ก็หมิ่นสถาบันเต็มๆ แล้ว แถมยังเปิดเผยชื่อนามสกุลจริงแบบนี้ มันไม่ใช่แล้วล่ะครับ สายลับ กับ นักสืบ มันก็ไม่ต่างกันมากหรอกครับ สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ต้องปกปิดตัวเอง ยิ่งต้องแฝงตัวเข้าไปสืบเรื่องอะไร ยิ่งต้องปลอมทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว แต่โต้งไม่ใช่ เปิดหน้าเล่น เปิดหน้าชน และเปิดหน้าหมิ่นสถาบันแบบเต็มๆ
ดูเวลาจะพบว่า ภาพพวกนี้ถูกถ่ายหลังจากเวลาเคอร์ฟิวไปแล้ว |
นักข่าวที่ไปร่วมม็อบสามนิ้วที่ดินแดง จะมีอยู่ไม่กี่ประเภท แต่ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน ก็ไม่ได้ลงไปเพราะมีจิตใจรักชาติ อยากเห็นความสงบสุขของบ้านเมืองอย่างแน่นอน แต่ลงไปเพื่อคว้าโอกาส อยากแสดงฝีมือ อยากขายภาพ อยากไลฟ์สดแล้วเปิดรับเงินบริจาค ทุกอย่างคือ ผลประโยชน์ล้วนๆ โต้งเองก็เช่นกัน ผมมองว่า โต้ง ทำตัวเป็นนกสองหัว ขายข่าวสองทาง ใช้ประโยชน์จากความพิเศษของตัวเอง ที่เป็นทั้งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ชุมนุม ก็เอาสองสิ่งนี้มาหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง เมื่อผมขุดคุ้ยข้อมูลในเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ของ โต้ง อย่างละเอียด ก็พบว่า ในช่วงเวลาหลังเคอร์ฟิว โต้ง ยังสามารถทำงานได้อย่างสบายๆ และเข้าไปอยู่ร่วมกับผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุแบบไม่กลัวโดนจับ (ตำรวจไม่จับเค้าอยู่แล้วเพราะโต้งเค้าก็อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งเค้าก็เป็นจริงๆ อยู่แล้วนี่) รูปถ่ายแต่ละรูปที่โต้งถ่ายออกมา ไม่ได้เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่งคงเลย มีแต่ภาพที่สะท้อนถึงผลกระทบในการเข้าจับกุม ภาพที่เอาไปบิดเบือนว่าเป็นเพราะความโหดร้ายของตำรวจ หรือ บิดเบือนเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านจากการเข้าสลายการชุมนุมของตำรวจได้ทั้งนั้น คือ ภาพแนวนี้มันขายได้ไง ถ้าถ่ายภาพที่แย่ๆ ของม็อบ โต้งจะเอาไปขายใคร แต่ถ้าได้ภาพที่มัน "ดราม่า" ก็เอามาขาย "สื่อเลือกข้าง" ได้ เมื่อผมรวมความทั้งหมดนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า โต้ง จะเปลี่ยนขั้ว มีใจเอนเอียงไปทางสามนิ้ว เพราะผลประโยชน์มันล่อใจมากกว่าเงินเดือนราชการซะแล้ว เพราะอะไร งั้นผมจะลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ ให้ครับ
1. การแฝงตัวที่ดี ต้องไม่เปิดเผยชื่อ/นามสกุลจริงๆ ให้คนทั่วไปรู้ แต่โต้งเปิดหมด แปะใส่ภาพไว้เลย คงกะว่าจะทำมาหากินด้านนี้แน่ๆ แล้ว
2. การแฝงตัวที่ดีต้องไม่เปิดเผยหน้าตาให้คนทั่วไปเห็น แต่โต้งเปิดหน้าเต็มๆ ไม่ปกปิดเลย ดูในรูปโปรไฟล์ได้
3. การเป็นข้าราชการที่ดี ต่อให้ต้องเข้ามาแฝงตัวก็ต้องรู้ที่ต่ำที่สูง แต่ดูรูปโปรไฟล์ที่โต้งเอาลงสิครับ เปิดเผยหน้าตัวเองจริงๆ และเขียนข้อความอะไรประกอบ?
4. รูปภาพที่โต้งถ่ายแล้วนำมาขาย นำมาโพสต์ เป็นภาพที่ถ่ายแบบบิดเบือน คือ เลือกจะถ่ายในมุมที่ขายได้ เช่น เด็กร้องไห้ ผู้หญิงนั่งเศร้า ตอนที่ตำรวจเข้ามาสลายม็อบ หรือ ภาพประเภทเชียร์ให้ผู้ชุมนุมฮึกเหิม คือตรงนี้ ถ้าเป็นผมนะ ผมจะถ่ายและส่งให้สำนักข่าวที่เป็นลูกค้าเลือก จะไม่เอามาลงเฟสเพื่อให้พวกสามนิ้วเอาไปแชร์ เอาไปบิดเบือน โจมตีตำรวจได้นะครับ คือมันไม่ใช่ครับ มองมุมไหนมันก็ไม่ใช่ การแฝงตัวไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ และโต้งแฝงตัวเป็นนักข่าวนะ ไม่ต้องทุ่มเทขนาดนั้นก็ได้มั้ง เออ..ถ้าแฝงตัวเป็นถึงขั้นระดับแกนนำหลักๆ ของสามนิ้ว อันนี้พอจะเข้าใจได้ แต่นี่แฝงตัวเป็นแค่ช่างภาพ ต้องทำร้ายประเทศ ช่วยสามนิ้วบิดเบือนแบบจริงๆ จังๆ ขนาดนี้เลยเหรอ ผมมองยังไงมันก็ไม่ใช่ครับ เหตุผล/ข้ออ้างมันไม่ได้จริงๆ
5. ข้อความที่โพสต์ต่างๆ รูปภาพต่างๆ แสดงออกอย่างชัดเจนว่า โต้ง "เปลี่ยนขั้ว" ไม่ใช่กลมกลืน อันนี้ไปไล่ดูได้ ถ้าโต้งไม่ไล่ลบไปซะก่อนหลังจากที่บทความนี้ถูกเผยแพร่นะ
ดูสิ่งที่โต้งเขียนประกอบภาพสิครับ และดูมุมกล้องของภาพที่โต้งถ่ายออกมา มันซ้ำเติมสถานการณ์ และใส่ร้ายตำรวจมั้ย? |
เป็นไปได้หรือไม่ว่า "หนอน" ที่ทาง หน่วยข่าว ส. ส่งเข้าไปหาข่าวในม็อบสามนิ้ว กำลังถูกสามนิ้วครอบงำทางความคิด และมองเห็นช่องทางที่จะหาผลประโยชน์ได้ จนทำให้ "หนอน" กลายเป็น "เกลือ" ไปซะแล้ว จากที่เคยแฝงตัวในม็อบแล้วส่งข่าวให้ หน่วยข่าว ส. ก็กลายมาเป็น "ผู้ให้ข่าว" ขายข่าวของทางฝ่ายความมั่นคงให้กับพวกสามนิ้ว, ขายภาพถ่ายให้กับสื่อมวลชนทุกสำนัก เพื่อหารายได้พิเศษให้กับตัวเอง ควบคู่ไปกับการส่งข่าวให้กับ หน่วยข่าว ส. ไปควบคู่กัน งานนี้จะเป็นอย่างไร ผิดหรือถูก หน่วยงานด้านการข่าวหน่วยนั้นเค้าคงรู้ดีอยู่แก่ใจแล้วล่ะครับ โดยเฉพาะ คุณ "แจ๊ส" ผู้เป็นบอสของ "โต้ง"
สำหรับผมนะ ผมไม่ให้ราคากับคนแบบนี้ และผมว่ามันเป็นอะไรที่แย่มากๆ นะ ที่ข้าราชการของหน่วยงานความมั่นคงเป็นแบบนี้ มโนสำนึก หรือ จิตสำนึกที่ดี ที่เห็นแก่ประโยชน์ของชาติไม่มีสักนิด นี่แค่ระดับเล็กๆ ยังคิดหากินตามช่องทางที่จะทำได้ พอเห็นมีช่องทางไหนที่สามารถทำมาหากินได้ แม้จะส่งผลกระทบกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ หรือ ทรยศต่อหน้าที่ของตัวเอง ก็เลือกที่จะทำโดยไม่ลังเล แบบนี้แย่นะครับ ก่อนที่คนพวกนี้จะเข้ามาเป็นข้าราชการได้ เค้ามีการสอบสัมภาษณ์มั้ยครับ รู้จักมั้ยคำว่า ข้าราชการ มีความหมายว่าอย่างไร? คำนี้แยกกันออกมาคือ ข้า + ราช + การ เค้าเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่? Google ก็มีนะ ลองค้นหาดูได้
ผมเสียความรู้สึกกับหน่วยงานความมั่นคงด้านการข่าวแบบนี้มากๆ นะครับ เค้าไม่มอนิเตอร์หรือตรวจสอบการทำงานของลูกน้องเลยหรือไง จะบอกว่าทุกอย่างเป็นการจัดฉาก เป็นการเซ็ตเพื่อให้สามนิ้วเชื่อ เป็นการแสดงละคร ผมว่า มันเกินเบอร์ไปมั้ยครับ พวกสามนิ้วไม่ได้ฉลาดอะไรขนาดนั้นนะครับ พวกเค้าคิดได้แค่สเต็ปเดียว ไม่สามารถประมวลผลอะไรที่ซับซ้อนได้ เป็นเหมือน CPU รุ่นพระเจ้าเหา คิดได้ทีละเรื่อง ไม่จำเป็นเลยต้องมาเซ็ตฉากอลังการอะไรขนาดนี้ โดยเฉพาะเรื่องการหมิ่นสถาบัน ล้อเลียน/เสียดสีเบื้องสูง ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง มโนสำนึกในคำว่า ราชการ ต้องมีอยู่ในหัวมั้ยครับ เงินเดือนก็รับอยู่ สิทธิ์เบิกต่างๆ ก็มี เจอแบบนี้แล้ว ผมท้อแท้ใจมากครับ
ถ้าโต้งอยากเป็นนักข่าวจริงๆ และคลั่งสามนิ้วมากขนาดนี้ คิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์แบบนี้ โต้งออกจากราชการไปเลย ให้คนอื่นที่เค้าอยากเป็นข้าราชการได้เข้าไปทำงานตรงนี้เถอะ อย่ากินเงินเดือนหลวง แล้วด่าหลวงแบบนี้เลย อย่ากินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา ขายข่าวอย่างเดียวยังพอทน แต่ลามปามล้อเลียนสถาบันเบื้องสูง อันนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ โต้ง
ร่ายมาซะยาว สรุปว่า แทนที่ผมจะตกเบ็ดพวกตากล้องเถื่อนในกลุ่มสามนิ้วได้ แล้วเอามาแฉ เปิดเผยชื่อให้ตำรวจจัดการ เพราะไอ้พวกนี้มันอยู่เกินเวลาเคอร์ฟิว และเป็นหนึ่งในแนวร่วมที่ช่วยสร้างภาพที่พวกสามนิ้วเอามาบิดเบือนโจมตีตำรวจได้ (เพราะภาพแต่ละภาพนี่ ถ่ายเพื่อขายสื่อที่เลือกข้างสามนิ้วแบบสุดๆ ตั้งใจโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจชัดๆ) แต่โอละพ่อ ดันกลายเป็นว่า เบ็ดที่ผมวางไว้ ดันไปตกเอา "หนอน" ที่กลายเป็น "เกลือ" ดันไปเจอ "สายลับ" ที่เข้ามาหาข่าวในม็อบสามนิ้ว ที่เอาใจออกห่าง เปลี่ยนข้างเป็นพวกสามนิ้วไปซะอย่างนั้น
แบบนี้ผมต้องทำยังไงล่ะครับเนี่ย ไปไม่เป็นเลยงานนี้
ไม่ดีเลยนะครับที่ "นักสืบ" ดันมาจับ "สายลับ" ได้ซะอย่างนี้