Skip to main content

แจ้งเตือนถึงน้องๆ สามนิ้ว ทุกกลุ่ม อ่านและแชร์กันออกไปด้วย

 

การชุมนุมในวันนี้ 19 ก.ย. 64 อาจจะไม่สงบราบรื่นและสวยงามอย่างที่คิด แต่ไม่ใช่เพราะว่า จะเกิดการปะทะกับตำรวจ หรือ มีการไล่จับแนวร่วมม็อบ หรือ ใช้แก๊สน้ำตากับกระสุนยาง เหมือนเช่นที่เคยเป็นมา เพราะสิ่งเหล่านั้น ผมเชื่อว่า น้องๆ ไม่ได้ตื่นเต้น หรือหวาดกลัวอะไรอยู่แล้ว หลายคนตั้งใจมาลุยกับตำรวจอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่อยากจะเตือนก็มีอยู่ 4 ข้อ ดังนี้  

1. คดีความ

ขณะนี้ประเทศของเรายังมีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน อยู่นะครับ โดยเฉพาะเรื่องของ การห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือ มั่วสุมกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื่อโควิด แต่ที่เห็นว่ายังชุมนุมกันได้นั้น คือ ตำรวจเค้าไม่สลาย แต่จะไล่ออกหมายจับกุมตัวมาดำเนินคดีย้อนหลังนะครับ

หากย้อนดูให้ดีๆ จะเห็นว่า ผลของการชุมนุมต่างๆ เริ่มมีออกมาให้เห็นกันแล้ว นั่นคือ "หมายเรียก" และ "หมายจับ" ที่จะย้อนหลังออกมาเรื่อยๆ เหมือนเป็น "เจ้ากรรม นายเวร" ของพวกแกนนำและแนวร่วมทั้งหลาย

วันนี้น้องๆ อาจจะรู้สึกคึกคะนอง คิดว่า มากันเยอะ มีคนหมู่มาก ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่อย่าลืมว่า รอบตัวของน้องในที่ชุมนุม คนพวกนั้นอาจจะไม่ใช่ "แนวร่วมสามนิ้ว" จริงๆ ก็เป็นได้ อาจจะเป็นทั้งเจ้าหน้าที่ และ สายลับที่แฝงตัวเข้ามา ก็อย่างที่ผมเคยเอามาบอกแล้ว ที่มี “สายลับแฝงตัวมาเป็นนักข่าวในกลุ่มสามนิ้ว” แล้วคอยถ่ายภาพหน้าตาของบุคคลในม็อบ น้องจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองอยู่รอดปลอดภัยจริงๆ มันไม่มีความปลอดภัยในม็อบหรอกครับ เพราะแม้จะปิดบังตัวเองในม็อบอย่างดีแค่ไหน แต่พอเดินออกมาจากม็อบ เลิกม็อบ เค้าก็เดินตามมาตรวจสอบ มาถ่ายรูปหน้าและยืนยันตัวได้อยู่ดี ถ้าเค้าระบุตัวได้ ตำรวจเค้าออกหมายแน่นอนครับ และมันไม่ใช่ว่า หลังจากม็อบ 1-2 วัน หมายถึงจะมาที่บ้าน ไม่นะครับ น้องไม่มีทางรู้ว่า หมายจะมาเมื่อไหร่ และความรู้สึกไม่ปลอดภัยแบบนั้น ความรู้สึกที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองแบบนั้น มันคือ ความทุกข์ทรมาน ไม่ต่างจาก "ตกนรก" จริงๆ ครับ เชื่อผมเถอะ ผมเคยโดนมาก่อนแล้ว

 

ทางที่ดีที่สุดก็คือ อย่าออกไปม็อบครับ เพราะเวลามีคดีความมันไม่สนุกเลย ไม่อย่างนั้น พวกแกนนำหรือแนวร่วมที่โดนหมาย โดนควบคุมตัวกันตอนนี้ จะออกมาร้องงอแงกันทำไม? ร้องกันใหญ่ว่าโดนคุกคาม บิดเบือนกันว่า โดนรังแกจากตำรวจ เพราะคนพวกนี้กลัวที่จะติดคุก กลัวการโดนคดีความเพิ่ม และพยายามเรียกคะแนนสงสารจากมวลชนของตัวเองยังไงล่ะครับ เพราะความจริงแล้ว ต่อให้เป็นแกนนำ มีทนายคอยดูแล แต่มันก็ยังเครียดอยู่ดี เพราะคนที่ต้องติดคุก คือ ตัวแกนนำ/แนวร่วม/ผู้ชุมนุม ไม่ใช่ทนายความ และการมีคดีความติดตัว ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างพิจารณาคดี หรือ ตัดสินโทษแล้ว ไม่ว่าตอนไหน มันก็ทำให้เราเสียอนาคตอยู่ดีครับ

2. การปะทะกันของกลุ่มบุคคลที่ขัดแย้งผลประโยชน์กัน

ในกลุ่มของแนวร่วมสามนิ้ว ณ เวลานี้ มีความขัดแย้งเกิดขึ้นทุกระดับ ทุกกลุ่ม ที่ผ่านมานั้น บอกเลยว่าไม่ได้มีการชุมนุมใหญ่แบบนี้มานานแล้ว ดังนั้น ความอัดอั้นตันใจ และความโกรธแค้นที่สะสมมา มันรอเวลาระเบิดอยู่ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น กลุ่มทะลุแก๊ส กับ ทะลุแก๊ซ (ส. กับ ซ.) ที่แอดมินและแนวร่วมไม่ลงรอยกัน อยากจะซัดกันอยู่แล้ว การชุมนุมวันนี้ก็อาจจะเป็นสมรภูมิชั้นดีให้กับพวกเขาได้ซัดกัน ยังไม่พอ ยังมีกลุ่มแนวร่วมอีกหลายกลุ่มที่ไม่พอใจซึ่งกันและกัน มีการล้ำเส้น ลูบคม กันมากมาย จนเรียกว่าทุกกลุ่มไม่ถูกกัน ผิดใจกัน มีแต่ความขัดแย้ง ต่างคนต่างระแวงกันเอง (ไม่ได้ระแวงตำรวจ) กลัวว่าอยู่ๆ จะโดนตีหัวจากข้างหลัง หรือ โดนแทงจากข้างหลังเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ถ้าไม่อยากบาดเจ็บ เป็นผู้เคราะห์ร้าย โดนลูกหลงจากการปะทะกันเองที่อาจจะเกิดขึ้นแบบนี้ อย่าไปม็อบครับ เพราะพวกเค้าคงไม่ได้จะมาต่อยกันด้วยมือเปล่าอย่างแน่นอน ของที่เตรียมกันมา ก็ต้องงัดเอาออกมาใช้

3. การทะเลาะกันด้วยเรื่องส่วนตัว

การตีกัน หรือ กระทืบกันเพราะเรื่องส่วนตัว มันมีตลอดนะครับในม็อบ โดยเฉพาะม็อบสามนิ้ว ที่ ณ เวลานี้ มีแต่ความแตกแยก ความโกรธแค้น และความชิงชังกันอยู่เต็มไปหมด ไม่ได้โกรธ หรือ เกลียดรัฐบาล หรือ นายกจริงๆ หรอกนะ ที่พูดๆ กันนั่น มันเป็นแค่ "สโลแกน" ที่เอาไว้บอกนักข่าวเท่านั้น แต่ตอนนี้ ทุกๆ กลุ่ม ทุกๆ คน จ้องแต่จะแก้แค้น และเอาคืน “พวกเดียวกัน” ที่เคยทำให้ตัวเองเสียหน้า เช่น กลุ่มของ ภูมิ หัวลำโพง ที่ตอนนี้โดนหมายหัว ก็เรื่องเดิมที่ "ภูมิ หัวลำโพง ยกพวกไปกระทืบเฮียนุ คนไม่กลัวเมีย"  นั่นแหละ ตอนนี้คนที่เค้าไม่เห็นด้วย ก็จ้องจะรอเอาคืน ภูมิ หัวลำโพง กับเพื่อนอยู่แล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่เป็นความแค้นส่วนตัวของอีกหลายๆ กลุ่ม หลายๆ คน ที่ปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในห้วงเวลาที่ผ่านมา และการปะทะกันของคนพวกนี้ ย่อมมี "ลูกหลง" เกิดขึ้นอย่างแน่นอน


ถ้าไม่อยากซวยโดนลูกหลงพวกนี้ ก็อย่าไปม็อบ


4. โควิด

อย่าเข้าใจผิดคิดว่าตอนนี้โควิดไม่น่ากลัวอะไรแล้ว แต่ลองเปิดดูข่าวในมือถือบ้างนะครับ ตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อในไทย ยังไม่ใช่หลักร้อยนะครับ และยอดคนเสียชีวิตมีอยู่เท่าไหร่ มันยังไม่ได้เป็นปกตินะครับ ดังนั้น การออกไปชุมนุม แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิดได้ และอย่าคิดว่า ติดเชื้อมาก็ไม่เป็นไรเพราะฉีดวัคซีนแล้ว

ตอนที่คุณติดเชื้อโควิดจากม็อบมานั้น มันก็มีระยะเวลาหลายวันกว่าที่จะแสดงอาการ แต่ในระหว่างนั้นมันสามารถแพร่เชื้อออกไปได้แล้วนะครับ ถ้าคุณเอาเชื้อจากม็อบวันนี้ ไปติดให้กับคนที่บ้าน ให้คนแก่ ผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีโรคประจำตัว แล้วเค้าตายไปขึ้นมา ไม่ต้องโทษใคร ไม่ต้องโทษรัฐบาล แต่ต้องโทษตัวคุณเองนะครับ และมันจะเป็น "ความผิดติดตัว" ที่ฝังใจคุณไปตลอดชีวิต คนในครอบครัวของคุณจะตราหน้าว่า คุณนี่แหละทำให้คนในครอบครัวต้องตายเพราะโควิด

อย่าไปร่วมม็อบ ถ้าไม่อยากติดเชื้อโควิด ถึงฉีดวัคซีนแล้ว ก็ติดเชื้อได้

ผมเองมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้ (เดี๋ยวจะมาบอกในวันหลัง) ผมไม่มีปัญหากับแนวคิดของ น้องๆ ว่าจะเกลียดนายก หรือ ไม่ชอบรัฐบาล อันนั้นผมไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ การจะออกมาร่วมชุมนุมมันไม่ปลอดภัยจริงๆ ทั้งเรื่องโควิด ทั้งเรื่องคดีความที่จะตามมา และความปลอดภัยในชีวิต ที่อาจจะเจ็บหรือตายเพราะโดนลูกหลงจากการ "ล้างแค้น" หรือ "ห้ำหั่นกันเอง" ของแนวร่วมสามนิ้วกลุ่มต่างๆ ซึ่งการเจ็บ หรือ ตายแบบนี้ มันไร้ค่า และดูกระจอกมากๆ ครับ ตายเพราะโดนลูกหลงแบบนี้เนี่ยนะ น้องไม่คิดว่ามันดูทุเรศเหรอครับ

อยู่บ้าน ดูหนัง ฟังเพลง พักผ่อน ใช้เวลากับครอบครัว หรือ เพื่อน หรือ บุคคลอันที่เป็นที่รัก ทำในสิ่งที่ชอบไปเถอะครับ ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้ว อย่าเสียเวลาออกมาม็อบเลย

ไม่ต้องไปไล่นายกหรอก ถ้าไม่ชอบก็อดทนอีกนิด อีกแป็บเดียวก็จะเลือกตั้งใหม่แล้ว ไม่พอใจนายกคนนี้ ก็รอเวลาไปเลือกตั้งใหม่ แค่นั้นก็จบ ตอนนี้ คิดอย่างเดียวพอว่า จะเตรียมทำมาหากินแบบไหน เพราะหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง กำลังดีขึ้น เอาเวลามาคิดหาหนทางทำมาหากินดีกว่าครับ

ด้วยรักและห่วงใย

พี่ทัก นักสืบเอกชน

Popular posts from this blog

สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน จนต้องขอยุติบทบาท นักสืบพิฆาตสามนิ้ว

นี่จะเป็นบทความสุดท้ายที่ผมจะเขียนบอกลาแฟนคลับทุกท่าน เพราะหลังจากที่ผมได้เขียนบทความเปิดโปง “สายลับผู้ที่จาบจ้วงสถาบัน” ของ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 บทความ (เดี๋ยวผมแปะลิ้งเอาไว้ที่ใต้นี้ให้ดูถ้าใครสนใจอยากรู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ว่าทำไมพี่ทักต้องยุติบทบาทด้วย) สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผมได้รับแจ้งจากทั้งนักข่าวที่เป็นรุ่นน้อง และ ข้าราชการที่อยู่หน่วยความมั่นคง ส่งข้อความมาบอกเล่าว่า ให้ระวังตัว เนื่องจากตอนนี้ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน อย่างเต็มรูปแบบ หมายหัวเอาไว้ ว่าจะจับตัวให้ได้ และจะเล่นงานให้ได้ ก็แปลกนะครับ แทนที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เอาผิดลูกน้องตัวเอง แต่กลับหันเป้ามาล็อคที่คน “แฉ” เรื่องนี้ และจ้องจะตามล่าตัว จะเล่นงานให้ได้ ก็แปลกดีนะครับ “ข้า-ราช-การ” หน่วยนี้ บทความแรก ที่ผมเขียน แฉสายลับผู้ที่จาบจ้วงสถาบัน บทความที่สอง ที่ผมเขียน ถามหาความรับผิดชอบจากหน่วยต้นสังกัดของสายลับคนนั้น  สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เปิดศึกไล่ล่า พี่ทัก นักสืบเอกชน จนทำให้พี่ทักต้องประกาศยุติบทบาท อันที่จริงแล้ว การติดต่อกับผมนั้น ทำไ...

แบงค์ “เมียสลิ่มก็ไม่เอา” ควงแฟนใหม่ “ที่เกลียดสลิ่ม” ออกงาน Car Mob 19 ก.ย. 64

เรื่องนี้จะไม่เอาขยายผลก็คงจะไม่ได้ ถ้าใครได้ติดตามเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ “พี่ทัก นักสืบเอกชน” มาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นบ้านของแกนนำกลุ่ม “โรนิน ฝั่งธน” นั่นคือ แบงค์ ตามคลิปที่เห็นด้านล่างนี้นี่แหละครับ ซึ่งการตรวจค้นของทางตำรวจก็ทำตามกฎหมายนะครับ มีหมายค้นมาอย่างถูกต้อง ประเด็นก็คือ ภรรยาของ แบงค์ ไม่พอใจที่ แบงค์ หาเรื่องเข้าบ้าน เตือนแล้วว่าอย่าไปม็อบก็ไม่ฟัง จนตำรวจบุกมาค้นบ้าน อับอายคนในหมู่บ้าน แต่แบงค์ก็เลยสวนกลับ ว่าภรรยาตัวเองว่าเป็นสลิ่ม จนทำให้ แบงค์ จิ๊กโก๋ โรนินฝั่งธน โด่งดังไปทั้งประเทศด้วยวลีเด็ด “เมียสลิ่มก็ไม่เอาครับ” และประกาศว่าจะย้ายออกจากบ้านทันที แล้วบ่ายวันนั้นก็ไปม็อบต่อ แบงค์ “เมียสลิ่มก็ไม่เอา” นอกใจภรรยา ตั้งแต่ก่อนที่จะมีประเด็นหลังจากโดนตำรวจค้นบ้าน หลังจากวันที่ 10 ก.ย. 64 แบงค์ “เมียสลิ่มก็ไม่เอาครับ” ก็ได้ย้ายออกจากบ้านจริงๆ เหมือนจะประกาศแยกทางกับภรรยา แต่มีการโพสต์เป็นห่วงลูกชายด้วย ทำให้หลายคนมองว่า แบงค์ เป็นพ่อบ้านใจกล้าที่ไม่กลัวเมียจริงๆ แต่ประเด็นก็คือ เมื่อทำการตรวจสอบย้อนหลังไป จะพบว่า ...

นักสืบ แฉ "สายลับ" ของหน่วยข่าวแฝงตัวในม็อบสามนิ้ว "หนอน" กลายเป็น "เกลือ"

หลายคนคงจะได้เห็นภาพที่เอาผมเอาลงไปก่อนหน้านี้ ว่ามีคนมาโวยวาย กล่าวหาว่าผมเอาภาพที่เค้าถ่ายไปใช้ในเฟส/ทวิต โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจริงครับ ถูกต้องตามที่เค้ากล่าวเลย แต่ๆๆ ใจเย็นๆ ครับ มันมีที่มาที่ไป ผมจะขอเล่าย้อนความตามลำดับซะหน่อย จะได้ให้ความรู้เรื่องการสืบสวนทางออนไลน์กับแฟนคลับทุกท่าน ( วิชา นักสืบ 101 ) จะได้เข้าใจว่า จริงๆ แล้ว ทุกคนก็ทำอย่างผมได้ มันไม่ยากเลย ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรพิเศษ ก็สามารถพิสูจน์ตัวตนของบุคคลในโลกออนไลนได้ เพียงแต่ครั้งนี้ ผมดันไปจับปลาตัวใหญ่ได้ด้วยเบ็ดตกปลาไม้ไผ่อันเล็กๆ แค่อันเดียว อาจจะเรียกว่า ใช้แค่เบ็ดเล็กๆ แต่ตกได้ปลาวาฬซะงั้น มาดูกันครับว่า มันเป็นยังไง เรื่องนี้ยาวนิดนึง แต่รับรองว่า อ่านสนุก และได้ความรู้แน่ๆ ครับ ในช่วงที่ผ่านมาผมกำลังตามสืบพวก ตากล้อง/ช่างภาพ(เถื่อน) ทั้งหลาย ทั้งตากล้องภาพนิ่ง ทั้งพวกไลฟ์สด ที่แอบแฝงตัวมาอยู่ในม็อบสามนิ้ว แล้วถ่ายภาพหากิน แต่การจะหาตัวตนของคนพวกนี้ว่าเค้าเป็นใคร มันยากครับ แค่เจอหน้า เห็นหน้า มันพิสูจน์ตัวได้ยาก ยิ่งใส่หน้ากากด้วยแล้ว ยิ่งยากไปกันใหญ่ ดังนั้น เราก็ต้องวางเบ็ดใส่เหยื่อวางไว้ครับ เทคนิคก็คือ...